LINE : ติดต่อผู้ดูแล

ยินต้อนรับเว็บไซต์ข่าวสารเพจข่าวท้องถิ่นบึงกาฬ

วันพฤหัสที่ 2 พฤษภาคม 2024
ข่าวเด่นบึงกาฬ

ผู้ว่าบึงกาฬแถลงตุ๋นปลูกอินทผาลัมและตำรวจปฏิเสธ “UN” สนับสนุน!? (คลิป)

[videojs mp4=”http://clip4.tnews.co.th/clip_1533024727_7590.mp4″ poster=”http://img4.tnews.co.th/large/tnews_1533025140_3990.jpg” width=”530″ height=”315″]

 

ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ แถลงข่าวเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อขบวนการตุ๋นชาวบ้านให้เข้าร่วมโครงการปลูกอินทผาลัม โดยการสนับสนุนเงินจากองค์การสหประชาชาติหรือUN รายละ 1.3 ล้านบาทต่อคนซึ่งUN ได้ทำหนังสือยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่ประการใด พร้อมกับแจ้งความดำเนินคดีหัวโจกและคณะข้อหา ”หลอกลวงประชาชน”กำลังจะเพิ่มอีกข้อหา”ซ่องโจร”อีกกระทง

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 31 ก.ค.ที่ศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ พ.อ.สุภัทร ชูตินันท์ รองผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดบึงกาฬ พ.ต.อ.สมศักดิ์ คงไพบูลย์ รอง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ และนายสมรัก ภูเดช เกษตรจังหวัดบึงกาฬ ร่วมกันแถลงข่าว เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อขบวนการตุ๋นชาวบ้านให้เข้าร่วมโครงการปลูกอินทผาลัม โดยการสนับสนุนเงินจากองค์การสหประชาชาติหรือUN รายละ 1.3 ล้านบาทต่อคนซึ่งไม่เป็นความจริงแต่ประการใด นายนิรัตน์ ได้แถลงว่ารัฐบาลได้มีโครงการช่วยเหลือแก่พี่น้องประชาชนจำนวนมาก โดยผ่านการลงไปพบพี่น้องประชาชนทุกส่วนราชการทุกอำเภอและองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น โครงการที่มาแปลกๆ ของฟรี ของถูก ได้กำไรสูงๆ ในการลงทุนระยะสั้นๆ ไม่มีในโลกนี้แน่นอน มันจะต้องสมเหตุสมผล อะไรที่มาโฆษณาชวนเชื่อไม่สมเหตุสมผลหรือมันยากต่อความที่จะเป็นไปได้ในทางปฏิบัติจริงที่จะทำรายงานขนาดนั้น ลงทุน 200  บาทจะได้ถึง 1 ล้านบาท ในฐานะผู้ว่าการจังหวัดบึงกาฬ ขอเรียนว่าไม่มีอยู่จริงในโลกนี้อย่างแน่นอนขอให้พี่น้องประชาชนชาวบึงกาฬให้ความสนใจในสิ่งที่ภาครัฐกำลังลงไปและให้ความช่วยเหลือในการส่งเสริมอาชีพสร้างทางเลือกในการประกอบอาชีพสร้างรายได้เพิ่ม เป็นเหตุเป็นผลและเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ แล้วเราก็จะดูแลท่านตลอดเส้นทางขายผลผลิตหรือสินค้าที่เราแนะนำได้มีตลาดรองรับ อย่าไปหลงเชื่อคนที่เขาคิดไม่ดีต่อท่านเอารายได้สูงๆ เป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติมากล่าวอ้าง ถ้าพบพฤติกรรมแบบนี้ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ได้ทุกที่ทุกอำเภอเราจะตรวจสอบทันทีถ้ามีการแอบอ้างโครงการของทางราชการ อย่างโครงการนี้อ้างว่าส่งเสริมการปลูกอินทผาลัมจากภาครัฐ ทางเกษตรจังหวัดได้ตรวจสอบแล้วไม่มีการส่งเสริมการปลูกอันทผาลัมในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬและจังหวัดใกล้เคียง อย่าลงเชื่อว่าลงทุนน้อยแล้วจะได้กำไรมาก



[videojs mp4=”http://clip4.tnews.co.th/clip_1533024727_2530.mp4″ poster=”http://img4.tnews.co.th/userfiles/images/A7(250).jpg” width=”530″ height=”315″]

 

ด้าน พ.ต.อ.สมศักดิ์ คงไพบูลย์ รอง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์เพิ่มเติมถึงความคืบหน้าของการดำเนินคดีกับกลุ่มที่มีการหลอกลวงประชาชนว่า เมื่อต้นปี 2560 นายบพิตร โชติชัย “ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนพลังเกษตรดีครบวงจร”พร้อมคณะได้เริ่มชักชวนชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ ประมาณ 80,000 คนและจังหวัดใกล้เคียงได้แก่หนองคาย นครพนม สกลนคร อุดรธานี เลยและขอนแก่น ได้สมาชิกจำนวน 200,000 คนให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกโครงการปลูกต้นอินทผาลัมโดยอ้างว่าองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น (UN) จะสนับสนุนเงินทุนให้กับสมาชิกกลุ่มแบบไม่ต้องส่งเงินต้นและดอกเบี้ยคืน โดยผู้สมัครสมาชิกจะต้องมีที่ดินจำนวน 3 ไร่สามารถปลูกอินทผาลัมได้ไร่ละ 30 ต้นและสมาชิกจะต้องซื้อต้นกล้าอินทผาลัมต้นละ 300 บาทจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯและจ่ายค่าดำเนินการอีกคนละ 200 บาท ซึ่งสมาชิกจะได้รับผลตอบแทนคนละ 1,300,000 บาท จากองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น (UN)

จังหวัดบึงกาฬจึงได้ทำหนังสือสอบถามไปยังองค์การสหประชาชาติหรือยูเอ็น (UN) ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกล่าวอ้างถึง และได้รับการตอบรับยืนยันจากUN ว่าไม่ได้ให้การสนับสนุนเงินทุนแก่ ”วิสาหกิจชุมชนพลังเกษตรดีครบวงจร”หรือเอกชนรายใดๆ แต่อย่างไร  นอกจากนั้นสำนักงานเกษตรจังหวัดบึงกาฬได้ตรวจสอบโครงการที่เกี่ยวข้องกับการปลูกอินทผาลัมปรากฏว่าไม่มีการส่งเสริมการปลูกจากภาครัฐแต่อย่างใด และการตรวจสอบการจดทะเบียนกลุ่มวิสาหกิจดังกล่าวปรากฏว่าไม่ถูกต้องตามระเบียบ จึงได้เพิกถอนทะเบียนกลุ่ม”วิสาหกิจชุมชนพลังเกษตรดีครบวงจร”แล้ว

[videojs mp4=”http://clip4.tnews.co.th/clip_1533024727_2530.mp4″ poster=”http://img4.tnews.co.th/userfiles/images/A3(335).jpg” width=”530″ height=”315″]

ตำรวจปฏิเสธ UN ให้เงินสนับสนุนปลูกรายละ 1.3 ล้านบาทแจ้งจับหัวโจกหลอกลวงประชาชนและซ่องโจร

ต่อมานายพิสิษฐ์ แร่ทอง นายอำเภอเซกาได้รับมอบหมายจาก นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผวจ.บึงกาฬให้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.ป่งไฮ อ.เซกา จ.บึงกาฬ พร้อมกับรวบรวมพยานหลักฐานนำหมายศาลจังหวัดบึงกาฬ เลขที่19/2561 และหมายจับศาลจังหวัดบึงกาฬ เลขที่ 58/2 561 ลงวันที่ 12 ก.ค.61 เพื่อเข้าตรวจค้นและจับกุม ตัว นายบพิตร โชคชัย อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 58 หมู่ที่ 11 บ้านคำบอนใต้ ต.น้ำตาล อ.เซกา จ.บึงกาฬ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน แต่ไม่พบตัวนายบพิตรเจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดหลักฐานที่เกี่ยวข้องทางคดีประกอบการสอบสวน ประกอบด้วยเอกสารรายชื่อผู้นำกลุ่มต่างๆ และรายชื่อสมาชิกจำนวน 4 กล่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 1 ชุดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กยี่ห้อ Acer 1 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กยี่ห้อ BENQ 1 เครื่อง คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊กยี่ห้อ Apple Macbook 1เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กยี่ห้อ HP 1 เครื่อง เครื่องปริ้นเตอร์ยี่ห้อ Canon MP 1 เครื่องและป้ายไวนิลผู้บริหารกลุ่มจำนวน 1 แผ่น จึงยึดไว้เป็นของกลาง ต่อมานายบพิตร ได้ติดต่อเข้ามอบตัวที่ สภ.ป่งไฮ เพื่อเข้าสู่กระบวนการดำเนินการทางกฎหมาย จากนั้นจึงใช้หลักทรัพย์ยื่นขอประกันตัวในชั้นศาลเป็นวงเงิน 90,000 บาท ซึ่งศาลได้ให้ประกันตัวและนัดไต่สวนรายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 6 ก.ย.6 1



พ.ต.อ.สมศักดิ์ เปิดเผยต่อไปว่า เมื่อไม่นานมานี้นายบพิตร โชติชัย ได้จัดประชุมแกนนำสมาชิกเครือข่ายกลุ่มพลังเกษตรดีครบวงจรทั้ง 6 จังหวัดเพื่อชี้แจงนโยบายของกลุ่มและความคืบหน้าการดำเนินการของโครงการมีแกนนำสมาชิกจากบึงกาฬ นครพนม สกลนครกาฬสินธุ์ หนองคายและอุดรธานี เข้าร่วมประชุมประมาณ 400 คน ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีการใช้เชือกฟางกั้นเขตพื้นที่การประชุมเพื่อคัดกรองผู้เข้าร่วมประชุมโดยการลงทะเบียนและต้องติดสติ๊กเกอร์ถึงจะเข้าร่วมประชุมได้ มติที่ประชุมแจ้งว่า เมื่อมาแค่นี้ก็รับเป็นสมาชิก 2 โครงการคือ การปลูกอินทผาลัมและการปลูกไม้พะยูง ซึ่งจะมีเงินสนับสนุนช่วยเหลือชุดแรกแก่สมาชิกจำนวน 50 ล้านบาท พร้อมทั้งได้แจ้งในที่ประชุมว่าจะได้รับเงินภายใน 120 วันหรือหากการดำเนินการทางธุรการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยสมาชิกจะได้รับเงินเร็วขึ้นภายใน 15 วันหรืออย่างเร็วสุดก็จะเป็น 5 วัน นายบพิตรยังได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าตนกำลังดำเนินการทำหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตเพื่อเดินทางไปประสานงานที่ต่างประเทศเพื่อหาเงินมาสนับสนุนโครงการ

พ.ต.อ.สมศักดิ์ ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า นายบพิตร โชติชัย ตกเป็นผู้ต้องหาฉ้อโกงประชาชนไม่สามารถดำเนินโครงการใดๆ ดังกล่าวต่อไปได้อีก แต่นายบพิตร ยังได้มีการเรียกระดมจัดประชุมสมาชิก ซึ่งเป็นการผิดเงื่อนไขของการขอประกันตัว ดังนั้น จะได้ยื่นเรื่องต่อศาลจังหวัดบึงกาฬเพื่อให้เพิกถอนการประกันตัวพร้อมกับจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม “ซ่องโจร”แก่นายบพิตรอีกกระทงหนึ่งด้วย.

นิธิศักดิ์ เศรษฐแสงศรี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.บึงกาฬ

ขอขอบคุณที่มาข่าว  http://www.77jowo.com/contents/o1/73695

‘>

ข่าวเด่นบึงกาฬ ล่าสุด

อัพเดทล่าสุด