LINE : ติดต่อผู้ดูแล

ยินต้อนรับเว็บไซต์ข่าวสารเพจข่าวท้องถิ่นบึงกาฬ

วันพุธที่ 8 พฤษภาคม 2024
ข่าวเด่นบึงกาฬ

CEO ไทบ้าน ลั่นไม่ได้อยากได้สามีคืนวอนสังคมเลิกดราม่า

เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. วันที่ 20 มกราคม 2565 นางสาวมนธิรา มูลกระแส อายุ 33 ปี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ไทบ้านทีวี ช่อง 83 ได้เดินทางมาพบกับทีมงานทนายประชาชน ก่อนเดินทางกลับต่างจังหวัด พร้อมกับขอให้สัมภาษณ์เปิดใจอีกครั้งถึงกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่ได้เคยยื่นหนังสือร้องเรียนกับผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ โดยผ่านปลัดจังหวัดบึงกาฬ เพื่อขอให้ตรวจสอบความประพฤติของผู้ใหญ่บ้านสาว (คู่กรณีที่เป็นข่าวในขณะนี้) ซึ่งภายหลังจากที่ยื่นหนังสือไปแล้วก็ยังคงมีกระแสดราม่าเข้ามา จนทำให้นางสาวมนธิรา รู้สึกค่อนข้างเครียดกับปัญหาดังกล่าว อีกทั้งยังต้องการสร้างความเข้าใจที่ชัดเจนแก่สังคมในมุมของผู้ถูกกระทำอีกด้วย

นางสาวมนธิรา มูลกระแส CEO ไทบ้านทีวี บอกว่า สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นตนมองว่าแม้จะเป็นเรื่องปัญหาในครอบครัว แต่ที่ต้องยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ก็เพียงเพราะแค่ต้องการให้ผู้เป็นนายโดยตรงของผู้ใหญ่บ้านสาว ได้ทำการตรวจสอบพฤติกรรมความเหมาะสมของผู้ใหญ่บ้านในหน้าที่ที่ปฏิบัติอยู่เท่านั้น แต่ในเรื่องส่วนตัวระหว่างตนเองกับพี่รักแท้ ขอยืนยันตรงนี้ได้เลยว่า “ตนไม่ได้ต้องการสามีคืนแต่อย่างใด ใครอยากได้ก็เอาไป” เพราะวันนี้ตนรู้สึกเจ็บช้ำเป็นอย่างมากกับสิ่งที่พวกเค้าทำกับเรา ทั้งร่วมกันโกหกเรา ร่วมกันโกหกสังคม จนทำให้เราเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกสังคมโจมตี โดยที่สังคมก็ยังไม่ได้ฟังความจากปากเราเลยด้วยซ้ำไป ซึ่งสิ่งที่ทำให้เราเจ็บสุดๆ คือ คนที่อยู่กับเรามานานมากกว่า 10 ปี การทะเลาะกันก็ต้องมีบ้างเป็นธรรมดาของสามีภรรยาเสมือนลิ้นกับฟัน ที่ผ่านมาเมื่อทะเลาะกันแล้วก็หันหน้ามาพูดคุยกันเข้าใจกัน แต่หนนี้เขาแอบไปจดทะเบียนสมรสกับผู้ใหญ่บ้านสาว แล้วยังยอมให้ผู้ใหญ่บ้านมาแจ้งความกับเราอีก ซ้ำยังไปบอกกับสังคมว่าเลิกกับเรามานาน แล้ว ทั้งๆ ที่เมื่อกลางปี 64 ยังทำบุญร่วมกันอยู่เลย ขณะที่พ่อแม่ผู้ใหญ่สาวก็บอกว่าพี่รักแท้กับลูกสาวของเขานั้นคบกันมาปีกว่าแล้ว แสดงว่าทั้งสองคนแอบคบซ้อนในช่วงที่รักแท้ยังอยู่กับตนฉันสามีภรรยา ซึ่งในส่วนที่ผู้ใหญ่บ้านเข้าแจ้งความตนในข้อหาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์นั้น ตนก็อยากรู้ว่าเขาทำไปทำไม ได้สามีเราไปแล้วยังต้องการอะไรจากเราอีก จะเอาเราเข้าคุกให้ได้ใช่หรือไม่ เหมือนเราไปทำความผิดอะไรไว้มากมาย ทั้งๆ ที่เราก็มีลูกถึง 3 คนที่ต้องดูแล แต่ก็ยังนับเป็นโชคดีที่ภายหลังจากที่เข้าแสดงความบริสุทธิ์ใจกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ ตามที่ผู้ใหญ่บ้านสาวได้แจ้งความร้องทุกข์แล้วนั้น เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนยังไม่แจ้งข้อหาใดๆ โดยจะต้องมีการเรียกทั้ง 2 ฝ่ายมาสอบปากคำอีกครั้ง

นางสาวมนธิรา บอกอีกว่า มนเข้าใจว่าระหว่างมนกับรักแท้ มันจบไปแล้ว มนพลาดเองที่เชื่อใจ และก็ไม่คิดว่าเค้าจะทำกับมนได้อย่างนี้ ที่รักแท้ออกมากล่าวหามน ว่ามนจดทะเบียนกับคนอื่นอยู่ มนบอกตรงนี้เลยว่า เขาตั้งใจโกหก เพื่อให้คนประณามมน เขารู้ความจริงข้อนี้ดีกว่าใคร มนเลิกกับสามีเก่าที่เป็นคนอิตาลีมา 15 ปีแล้ว หย่าถูกต้องที่อิตาลี หลังจากนั้นอีก 2 ปี ก็มาเจอพี่รักแท้ มนไม่เข้าใจว่าพี่ต้องการอะไร มนไม่ใช่ผู้หญิงที่พูดเก่ง มนพูดหวานๆไม่เป็น ทุกวันนี้มนก็ทำงานให้ครอบครัว ให้ลูก ให้พี่รักแท้อยู่อย่างสบาย ไม่ต้องทำงาน ของทุกอย่างที่เป็นหนี้ก็มีแต่ชื่อมน พอของซื้อเงินสด ไม่ว่าจะเป็นรถ บ้าน พี่ก็ใส่ชื่อตัวเองหมด มนไม่เคยคิดจุกจิกเรื่องพวกนี้เลย บ้านใหม่ที่สร้างก็หลายสิบล้าน ถ้ามนเลิกกับพี่จริง แล้วมนจะสร้างบ้านทำไม

“ขณะเรื่องที่มนต้องไปร้องผู้ว่าฯ ก็เพราะภรรยาใหม่พี่แจ้งความมน จะเอามนติดคุก แล้วมนก็อยากให้ตรวจสอบว่าการที่ใส่เครื่องแบบแบบนี้ แต่มายุ่งกับพี่รักแท้ มันได้เหรอ อย่าบอกว่าไม่รู้ว่ามนยังอยู่กับพี่รักแท้ บ้านผู้ใหญ่กับบ้านมนใกล้กันแค่นี้ แล้วหลังจากที่มนให้ข่าวไป ลูกน้องมนพึ่งจะยอมบอกว่า เจอผู้ใหญ่มาอยู่ที่บ้านมนตั้งหลายเดือนแล้ว แต่ที่ไม่ยอมบอกก่อน เพราะลูกน้องไม่อยากให้เลิกกันจริงๆ ซึ่งที่ผ่านมามนยอมรับว่ามนทำแต่งาน อาจจะไม่มีเวลา ไม่หวาน เหมือนผู้หญิงคนอื่น แต่ทุกอย่างที่มนทำ มนทำเพื่อครอบครัว มนทำเพื่อลูก”

นางสาวมนธิรา มูลกระแส CEO ไทบ้านทีวี เปิดใจทิ้งท้ายด้วยว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ มีสื่อบางประเภทไม่เข้าใจ นำความที่ได้ฟังจากข้างเดียวไปลงจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของตนและครอบครัว ซึ่งตนเองก็ขอยืนยันอีกครั้งว่า วันนี้ตนไม่ได้ต้องการเรียกร้องเอาสามีคืนจากผู้ใหญ่สาว ผู้ชายคนเดียวใครอยากได้ก็เอาไป ส่วนตัวแล้วมีศักดิ์ศรีมากพอที่จะไม่รั้งคนที่ไม่รักเราและไม่นำมาเป็นสิ่งบั่นทอนทำให้เราหมดกำลังใจในการสู้ชีวิต เพราะวันนี้เราล้มไม่ได้ เราจะยังคงต้องเดินหน้าทำงานต่อไปเพื่อลูกๆ ทั้ง 3 คน ที่พร้อมเป็นกำลังใจให้แม่สู้ โดยลูกๆ นั้นแม้จะไม่มีใครพูดอะไร แต่เราก็รู้ว่าลูกจะอยู่เป็นกำลังใจให้แม่สู้ต่อไป วันนี้ขอให้สังคมหยุดดราม่าใส่ตนได้แล้ว เพราะตนไม่ได้คิดแย่งผู้ชายกลับคืนมาอย่างแน่นอน ทุกวันนี้ขออยู่อย่างมีศักดิ์ศรีทำงานหาเงินเพื่อลูกๆ และอยากฝากบอกว่าถ้าผู้ใหญ่สาวไม่แจ้งความตนเองก่อน ทางตนเองก็จะไม่ยื่นเรื่องถึงผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬให้ตรวจสอบความประพฤติของเขาเช่นกัน ต่างคนก็ต่างอยู่กันไปเรื่องแบบนี้ก็จะไม่เกิด

‘>

ข่าวเด่นบึงกาฬ ล่าสุด

อัพเดทล่าสุด