จับแล้ว “ไอ้นนท์” นักโทษแหกคุกสว่างแดนดิน รายสุดท้าย จนมุมที่บึงกาฬ …

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 4 มิ.ย.พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ร่วมกับ พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ พ.ต.อ.โชคชัย อินทะนิน รอง ผบก.ภ.จว.สกลนคร พ.ต.อ.พยุงศักดิ์ นามวรรณ ผกก.สส.ภ.จว.สกลนคร พ.ต.อ. อนุกูล ดาวลอย รอง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ พ.ต.อ.ธำรงชัย ไล้ทองดี ผกก.สภ.เซกา พ.ต.ท.อรุณ รักสัตย์ รอง ผกก.สส.สภ.เซกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม นายอนนท์ หลักคำ อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องขังรายสุดท้าย 1 ใน 5 คนที่ร่วมกันแหกเรือนจำสว่างแดนดิน ถูกตำรวจชุดสืบสวนแกะรอยตามจนทราบที่อยู่แน่นอน และสามารถเข้าถึงตัวขณะนอนหลับเพราะฤทธิ์เมากัญชาตลบมุ้งเข้าจับกุมคาที่นอนในบ้านไม่มีเลขที่ บ้านตาลเดียว หมู่ที่ 4 ต.ท่าสะอาด อ.เซกา จ.บึงกาฬ ก่อนจะคุมตัวผู้ต้องหามาสอบสวนที่ สภ.เซกาเพิ่มเติมถึงแผนการหลบหนี และแถลงข่าวก่อนควบคุมตัวกลับไปดำเนินคดีตามกฎหมายที่ สภ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ต่อไป

ทั้งนี้ เมื่อเช้าตรู่วันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดบึงกาฬ และชุดสืบสวน ภ.จว.สกลนคร ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.เซกา สภ.พรเจริญ และสภ.สว่างแดนดิน นำหมายจับของศาลจังหวัดสว่างแดนดิน เลขที่ 58/2563 ลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2563 เข้าจับกุม นายอนนท์ หลักคำ อายุ 42 ปีอยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ที่ 1 ตำบลบ่อแก้ว อำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร ฐานร่วมกันหลบหนีไประหว่างที่คุมขังตามอำนาจของศาล พนักงานอัยการ ของพนักงานสอบสวน หรือ ของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และออกนอกเคหสถาน ระหว่าง 22.00 น.ถึง 04.00 น.ของวันรุ่งขึ้นโดยไม่ได้รับการยกเว้น หลังแหกคุกเรือนจำสว่างแดนดิน เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา หลบหนีหัวซุกหัวซุนเป็นเวลา 1 เดือนเต็ม ล่าสุดไปหาเพื่อนรุ่นพี่ที่เคยพี้กัญชามาด้วยกัน แต่ไม่พบเพราะเสียชีวิตไปก่อนนานแล้ว แต่ก็ยังไปพบคนรู้จักอีกคนจึงชวนกันเสพกัญชาในคืนผ่านมา จนเมาหนักนอนหลับไม่รู้ตื่นเพราะฤทธิ์มึนเมาของกัญชา จึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกรวบตัวขณะนอนหลับในมุ้งสบายๆ

ที่ สภ.เซกา พ.ต.อ.โชคชัย อินทะนิน รอง ผบก.ภ.จว.สกลนคร ได้ลงมือสอบสวนวิธีการหลบหนีด้วยตนเอง ผู้ต้องขังชายอนนท์รับสารภาพว่า ก่อนแหกคุกเพื่อนๆ มีการพูดคุยชักชวนกัน ตนก็ไปร่วมฟังด้วยและวางแผนกันหลังออกมาได้ก็เดินจะกลับบ้านแต่เดินหลงทางไปทางอำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี แล้วก็เดินย้อนกลับมาโดยจะไม่ขึ้นรถโดยสารจะเดินอย่างเดียวลัดเลาะไปตามทุ่งนา เวลาหิวก็อาศัยกล้วยน้ำหว้า มะม่วง และมันที่ขึ้นอยู่ตามทุ่งนา บางครั้งก็ทำทีถือถุงปุ๋ยไปหาแหย่ไข่มดแดง เจอชาวบ้านอยู่ตามเถียงนาหรือตามสวนยางพาราเขาเรียกกินข้าวก็อาศัยกินกับเขา ก่อนจะมาถูกจับที่อำเภอเซกาก็กลับไปที่บ้านบ่อแก้ว อ.บ้านม่วงเพื่อไปเอาเงินจำนวน 10,000 บาทพร้อมโทรศัพท์มือถือที่ซื้อซุกซ่อนฝังดินเอาไว้ใกล้เถียงนา จากนั้นก็เดินเท้ามาบ้านตาลเดี่ยว จะมาหาพี่ชายที่เคยรู้จักเคยสูบกัญชามาด้วยกัน พอมาถึงบ้านหลังที่ถูกจับกุม ก็ทราบข่าวจากญาติว่าพี่ชายได้ตายไปนานแล้ว ตนจึงขอพักอาศัยคืนหนึ่งพรุ่งนี้เช้าจะเดินทางต่อ โดยช่วงหัวค่ำมีคนที่เคยรู้จักมาชักชวนเสพกัญชา ตนก็เสพไปหลายครั้งจนเมาหลับ มารู้ตัวอีกทีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตลบมุ้งจับกุมแล้ว

ขอขอบคุณที่มาข่าวสยามรัฐ  https://siamrath.co.th/n/160435