ครู จ.บึงกาฬ ไอเดียแจ่ม นำเทคโนโลยีเครื่องวัดความสว่างจากห้องทดลองวิทยาศาสตร์มาให้นักเรียนได้เรียนรู้ภาคปฏิบัติจริงในห้องเรียน

วันนี้ (17 ก.ค. 60) เวลา 13.00 น. อาจารย์ยุทธศาสตร์ ฮาดดา ครูวิทยาศาสตร์ ระดับชำนาญการ โรงเรียนบ้านต้องโคกกะแซ ตำบลบ้านต้อง อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า จากสภาพปัจจุบันในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ มีฝนตกต่อเนื่องตลอดเกือบทุกวันนับตั้งแต่เปิดเทอม โดยมีสภาพท้องฟ้ามืดครึ้มอยู่เสมอ ส่งผลให้ห้องเรียนมืดลงเป็นอย่างมาก เนื่องจากเกรงจะกระทบต่อสุขภาพสายตาของครูและนักเรียนในห้องเรียน ตนจึงได้ทดลองนำเอาอุปกรณ์วัดความสว่าง หรือลักซ์มิเตอร์ จากห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์มาลองวัดความสว่างของแสงในห้องเรียน

อาจารย์ยุทธศาสตร์ ฮาดดา กล่าวอีกว่า ปกติทุกห้องจะมีการติดหลอดไฟเพื่อให้ความสว่างในห้องเรียนอยู่แล้ว โดยอาศัยความสว่างจากแสงจากดวงอาทิตย์ร่วมด้วยจึงจะเพียงพอกับการเรียนการสอน ดังนั้นในวันที่ฟ้ามืดครึ้มจากเมฆฝนหรือในวันที่ฝนตกหนักห้องเรียนจะมืดกว่าปกติ ซึ่งตามกำหนดมาตรฐานในการบริหารและจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ.2549 กำหนดค่าความสว่างในห้องเรียนควรจะอยู่ที่ 300 ลักซ์ ขึ้นไปจึงจะเพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอน

สำหรับจากการทดลองแบ่งห้องเรียนออกเป็น 3 โซน ได้แก่ โซนใกล้หน้าต่าง โซนกลางห้อง และโซนฝั่งตรงข้ามกับหน้าต่าง ก็พบว่าบริเวณใกล้หน้าต่างมีแสงเพียงพอวัดได้ 1,500 ลักซ์ ขึ้นไป ส่วนโซนตรงกลางห้องเรียนมีแสงอยู่ในระดับยอมรับได้คือ ประมาณ 300 ลักซ์ แต่โซนตรงข้ามกับหน้าต่างแสงน้อยมาก ความสว่างอยู่ที่ 85-150 ลักซ์ ซึ่งข้อมูลที่ได้จากการทดลองนี้น่าจะนำเสนอต่อโรงเรียนเพื่อทำการปรับปรุงแก้ไขให้ห้องเรียนมีความสว่างที่พอเหมาะ และคิดว่าข้อมูลนี้น่าจะเป็นประโยชน์แก่โรงเรียนอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่ฟ้ามืดครึ้ม ครูประจำชั้นจะได้ดูแลห้องเรียนให้แสงสว่างที่พอเหมาะแก่การจัดการเรียนการสอน ต่อไป

อาจารย์ยุทธศาสตร์ ฮาดดา กล่าวต่อไปว่า การดำเนินการทดลองเพื่อวิเคราะห์หาค่าความสว่างครั้งนี้ ตนได้อธิบายและให้นักเรียนเป็นผู้ลงมือปฏิบัติทั้งหมดทุกขั้นตอน เพื่อสร้างความรู้ความเข้าในหลักคิดวิเคราะห์อย่างง่าย และให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจากสถานการณ์จริงโดยไม่เน้นแต่ทฤษฎีเพียงอย่างเดียว ทำให้นักเรียนเกิดความสนุกสนานและสนใจเรื่องวิทยาศาสตร์มากยิ่งขึ้น เป็นการปลูกฝังความรู้ความเข้าใจให้กับนักเรียนได้หันมาชื่นชอบศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์เพิ่มมากขึ้น